เสริมจมูก ยองโดคลินิก
สวยออกแบบได้ตามใจคุณ
ที่ยองโดคลินิก เปนคลินิคที่มีเคสเสริมจมูก มากสุดอันดับ 1 ในจังหวัดปราจีนบุรีและไดการยอมรับ
วา มีทีมแพทยผูเชี่ยวชาญ ดานแกจมูกที่พัง ใหปง ไดแถมไดทรงสโลปพุงสวยตามฉบับยองโดอีก
ดวย และดวยเทคนิคยืดจมูกใหเรียวสวย และเทคนิค Semi open นําทีมโดย คุณหมอโด
นายแพทยพีรสุ อุดมกิตติผูกอตั้งยองโดคลินิก และศัลยแพทยทีมแพทยทานอื่น ๆ ที่เชี่ยวชาญดาน
ศัลยกรรมตกแตงจมูกโดยตรง
สวย สโลปปลายพุ่ง ละมุนเข้ากับทุกรูปหน้า การันตีความสวยกว่า 3,000 เคส
เสริมจมูกมีกี่แบบ?
การเสริมจมูกสมัยก่อนจะเป็นที่รู้จักกันอยู่ทั้งหมด 2 เทคนิค นั่นคือเทคนิค Open (เทคนิคโอเพ่น/เทคนิคเปิด) และเทคนิค Closed (เทคนิคปิด) นั่นคือการแบ่งเทคนิคการเสริมจมูกตามการเปิดแผล (Approaching Site)
อธิบายให้เข้าใจก็คือ
เทคนิค Open หรือ เทคนิคเปิด นั้น จะเปิดแผลที่บริเวณแกนกลางจมูก (Collumellar) และยกบริเวณปลายจมูกขึ้น เพื่อให้สามารถมองเห็นโครงสร้างจมูกทั้งหมดและแก้ไขได้ในคราวเดียว ข้อดีของเทคนิคนี้มีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังปัญหาที่จะตามมามากมายเช่นกัน
ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ ข้อดีและข้อเสียของการเสริมจมูกเทคนิคโอเพ่น
เทคนิค Closed หรือ เทคนิคปิด นั้นจะต่างออกไปโดยเป็นการเปิดแผลด้านในบริเวณรูจมูกด้านใดด้านหนึ่ง และใช้อุปกรณ์ในการเลาะเปิดโพรงเพื่อใส่ซิลิโคนจมูก ข้อดีของเทคนิคนี้ คือ ทำได้ง่าย และเร็วมาก (ในบางทีเราอาจได้ยินมาว่าบางคลินิกสามารถทำจมูกเสร็จภายในเวลา 5-10 นาที นั่นคือเทคนิคปิดครับ) แต่ข้อเสียของเทคนิคนี้คือ เนื่องจากแพทย์ที่ทำไม่สามารถเห็นโครงสร้างอะไรของจมูกได้เลย การเปิดเลาะพื้นที่ในการใส่ซิลิโคนจึงเป็นการทำโดยการใช้การสัมผัสหรือความรู้สึก (Sensation) จึงทำให้มีโอกาสเกิดความผิดพลาดได้สูงมาก เช่น ใส่ซิลิโคนผิดชั้น ซิลิโคนลอย ซิลิโคนเบี้ยวเอียง ปลายจมูกบาง ในบางเคสรุนแรงก็อาจจะเกิดปัญหาลุกลามจนปลายจมูกทะลุได้
โดยสรุปแล้ว
เสริมจมูกเทคนิคโอเพ่น (open) เหมาะกับเคสที่มีความซับซ้อนมากๆที่ต้องแก้ไขระดับโครงสร้าง หรือต้องการเสริมจมูกโดยไม่ใช้ซิลิโคนเลย เช่น ใช้กระดูกซี่โครงในการทำปลายจมูกทั้งหมด โดยเป็นเทคนิคที่ดีมากแต่ก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน ควรทำในบริบทของการดมยาสลบ หรือยานอนหลับ เนื่องจากผ่าตัดนานและใช้ความละเอียดในการทำสูง ซึ่งแน่นอนว่าค่าใช้จ่ายก็จะสูงตามมาครับ
“
”
ส่วนการเสริมจมูกเทคนิคปิด (closed) นั้น เหมาะกับเคสที่มีโครงสร้างจมูกเดิมที่ดีมากๆ คือสวยอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องการเพิ่มความโด่งขึ้นเท่านั้น แต่จะไม่สามารถทำในเคสที่มีความซับซ้อนหรือการแก้ไขปัญหาหลายๆอย่างได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ
“
”
4
เทคนิค
ที่จะช่วยทำให้จมูกของคุณสวย สโลปปลายพุ่ง โด่งละมุนเป็นธรรมชาติในแบบของยองโดคลินิก
1.การเสริมจมูกเทคนิค Semi-Open
การเสริมจมูกเทคนิค Semi-Open (เทคนิคกึ่งเปิด) เป็นเทคนิคใหม่ที่ได้รับความนิยมมากในช่วง 1-2 ปีมานี้ โดยเป็นเทคนิคที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อแก้ปัญหาโครงสร้างจมูกโดยเฉพาะบริเวณปลายจมูก โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคโอเพ่นซึ่งเป็นเทคนิคที่มีความเสี่ยงสูง และที่สำคัญสามารถทำได้โดยใช้เวลาไม่นานจนเกินไป ไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ
โดยเทคนิคเซมิโอเพ่น จะเป็นการเปิด Approach ที่แผลด้านในรูจมูกทั้ง 2 ข้าง และใช้อุปกรณ์ในการถ่างเพื่อมองเห็นโครงสร้างจมูกภายใน และใช้อุปกรณ์ในการดึงโครงสร้างบางส่วนออกมาเพื่อตกแต่งตัดแต่งและแก้ไข และเลาะสร้างพื้นที่สำหรับการใส่ซิลิโคนอย่างถูกช่อง ถูกชั้น โดยรวมแล้วทำให้แทบไม่มีความเสี่ยงที่ซิลิโคนจะผิดชั้น ไม่เกิดปัญหาซิลิโคนลอย ปลายบางตามมา และยังสามารถทำให้ทำเทคนิคอื่นๆต่อจากนี้ได้อย่างปลอดภัยอีกด้วยครับ ที่สำคัญหากเคสไหนที่ต้องการเสริมจมูกให้ปลายพุ่ง จะต้องมีการทำเทคนิคยืดผนังกั้นจมูกเพิ่มด้วย ซึ่งสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพในเคสที่เสริมจมูกแบบเทคนิค Semi-Open ครับ
2. เทคนิคปรับฐานจมูก
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าใครๆก็มีโครงสร้างพื้นฐานจมูกที่ดีมาก่อน ซึ่งที่ยองโดคลินิกจะมีชื่อเสียงและความโดดเด่นในการทำจมูกในเคสยากๆ ซึ่งมีโครงสร้างฐานจมูกที่ผิดปกติ เช่น ฐานจมูกเอียง ฐานจมูกแคบ ฐานจมูกกว้าง ฮัมพ์กระดูกสูง ขรุขระ ฐานจมูกเป็นลักษณะจมูกชมพู่ หรือจมูกหมู ซึ่งการปรับฐานั้นใช้เทคนิคหลายอย่าง เช่นการตอกฐาน การปรับตะไบฮัมพ์ การเลาะผังผิด ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อให้รูปจมูกที่ดูเรียว สันคมชัด เป็นธรรมชาติและเหมาะสมที่สุดในแต่ละเคสครับ
3. เทคนิครองปลาย/ยืดปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม
เทคนิครองปลายจมูกโดยปกติแล้วสามารถทำได้หลายอย่างเช่น การรองปลายจมูกด้วยเนื้อเยื่อเทียม การรองปลายจมูกด้วยกระดูกอ่อนหลังหู/เยื่อหุ้มกระดูกอ่อนหลังหู หรือรองปลายจมุกด้วยเซลล์ไขมัน ซึ่งยองโดคลินิกสามารถทำได้ทุกเทคนิค ส่วนการรองปลายด้วยเนื้อเยื่อเทียมเป็นเทคนิคที่หมอเลือกให้คนไข้โดยส่วนใหญ่ เนื่องจากมีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องมีแผลผ่าตัดหลายที่ ไม่เจ็บ และสามารถปรับแต่งปลายจมูกได้ตามใจชอบ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ เนื้อเยื่อเทียมคืออะไร? ดียังไง? ปลอดภัยหรือไม่?
โดยเนื้อเยื่อเทียมที่ยองโดคลินิกเลือกใช้ คือเนื้อเยื่อเทียมที่มีคุณภาพสูงที่สุดในตลาด นั่นคือเนื้อเยื่อเทียมยี่ห้อ “Mega Derm” ที่นำเข้ามาโดยบริษัท BJC มีการทดสอบในห้องแล็บระดับโลกว่าสามารถอยู่ในร่างกายมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย มีมาตรฐานอย.ทุกกล่อง สามารถตรวจสอบได้ โดยเนื้อเยื่อเทียมที่รองไป จะทำให้ปลายจมูกพุ่งขึ้นตามจุดที่เราอยากได้ และที่สำคัญสามารถเพิ่มข้อจำกัดของปลายจมูกทำให้ป้องกันปลายจมูกทะลุได้อีกด้วย
4. เทคนิคเย็บอินเตอร์โดม (เทคนิคเย็บปรับแต่งกระดูกอ่อนปลายจมูก)
เทคนิคการเย็บอินเตอร์โดม ก็คือการปรับแต่งและเย็บบริเวณกระดูกอ่อนปลายจมูก โดยสามารถทำได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้เทคนิคผ่าตัดแบบ Semi-Open ร่วมด้วยเท่านั้น โดยเป็นการทำให้ปลายจมูกตั้งขึ้น ดูเรียวเล็ก และแก้ไขปัญหาปลายจมูกที่เคยปัดเอียงให้กลับมาตรงได้ รวมถึงที่ยองโดคลินิกจะมีเทคนิคการเย็บอินเตอร์โดมแบบเฉพาะ โดยจะเป็นการทำให้ปลายจมูกที่โด่งพุ่ง ตั้งขึ้นนั้น สามารถคงอยู่ไปตลอดได้ ไม่ตกงุ้มลงในระยะเวลาหลังเสริมไปนานๆ (การเสริมจมูกโดยทั่วไปหากไม่ได้เย็บอินเตอร์โดม มักจะมีการตกงุ้มลงของปลายจมูกมาก หลังจากเสริมไปนานๆครับ)
จมูกที่สวยควรมีลักษณะอย่างไร
ที่สำคัญหมอจะประเมินรูปหน้าทุกเคสว่าเสริมแล้วจะต้องสวยทุกองศาการมอง ทั้งมุมตรง ด้านข้าง 45 และ 90 องศา
“เสริมจมูก ยองโดคลินิก สวย ออกแบบได้ตามใจคุณ”
ขั้นตอนในการเสริมจมูกที่ยองโดคลินิก
ก่อนอื่นหมอแนะนำให้เข้ามาปรึกษา คุยกับหมอว่าอยากได้ทรงจมูกแบบไหน โดยเตรียมภาพตัวอย่างที่ใกล้เคียงทรงจมูกที่อยากได้มากที่สุด หมอจะพิจารณาดูว่าสามารถทำได้มากน้อยแค่ไหน โดยพิจารณาจากปัจจัยหลายๆอย่าง ดูพื้นฐานเดิมของจมูกว่ามีเนื้อจมูกว่ามากหรือน้อย ความยืดหยุ่นของผิวหนังเป็นอย่างไร เนื้อปลายจมูกมากหรือน้อย รองรับซิลิโคนได้มากแค่ไหน เพื่อที่เสริมไปแล้วปลายจะได้ไม่ทะลุ หมอจะทำให้ใกล้เคียงกับแบบที่อยากได้ และเหมาะสมกับคนไข้ที่สุด ซึ่งที่ยองโดคลินิกจะเน้นสันจมูกที่สโลป ปลายละมุน ดูเป็นธรรมชาติ ดูอ่อนหวาน ไม่แข็งจนหน้าดุ
ซิลิโคนจมูกมีกี่แบบ เลือกแบบไหนดี
ซิลิโคนเสริมจมูกทั่วไปจะมีปลายแบบ ทั้งแบบแท่ง และแบบสำเร็จรูป มีทั้งซิลิโคนจากประเทศเกาหลี อเมริกา ญี่ปุ่น และยุโรป แต่ละประเทศจะมีหลายเกรด เกรดที่มีคุณภาพและไม่ได้คุณภาพ และแบ่งเป็นหลักๆได้ทั้งหมด 3 เกรด
1. Silicone Food Grade เกรดที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร เช่น ซิลิโคนที่ใช้ผลิตภาชนะอาหาร นำไปทำเคสโทรศัพท์มือถือ เป็นเกรดที่มีความบริสุทธิ์ต่ำที่สุด และไม่ปลอดภัยในการนำมาใส่ในร่างกาย เนื่องจากร่างกายจะต่อต้าน
2. Silicone Medical Grade เกรดนี้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ ตั้งแต่วัสดุอุปกรณ์การแพทย์ต่างๆ รวมถึงหากมี % ความบริสุทธิ์มากจะนำมาใช้เสริมส่วนต่างๆของร่างกาย เสริมจมูก เสริมคาง เสริมหน้าผาก เสริมหน้าอก ได้ ร่างกายมีอัตราการต่อต้านต่ำมาก
3. Silicone Implant Grade เกรดนี้นำใช้ในวัสดุการแพทย์ที่มาฝังในอวัยวะภายใน ยกตัวอย่างเช่น ลิ้นหัวใจเทียม ซึ่งเป็นเกรดที่มีความบริสุทธิ์สูงที่สุด อัตราต่อต้านจากร่างกายแทบไม่มี แต่มีราคาสูงที่สุด
ที่ยองโดคลินิกมีซิลิโคนแบบที่ 2 และ 3 ซึ่งสามารถเลือกได้ ซิลิโคนแบบที่ 2 และ 3 เป็นซิลิโคนที่ได้รับการทดสอบแล้วว่ามีความปลอดภัยในระยะยาว
ซิลิโคนจมูกมีกี่ทรง
อันนี้หลายคนที่เคยศึกษามาก่อนจะทราบว่ามีการพูดถึงทรงซิลิโคนมากมายหลายชื่อ ไม่ว่าจะซิลิโคนทรงตั๊กแตน ซิลิโคนทรงบาร์บี้ ทรงหยดน้ำ และอีกมากมายหลายชื่อ แต่จริงๆแล้วชื่อเหล่านั้นที่เอาไว้เรียกซิลิโคนสำเร็จรูปในรูปแบบต่างๆกัน โดยแต่ละชื่อคือชื่อที่ใช้เรียกเพื่อส่งเสริมการตลาดครับ แต่ว่าเวลาใช้งานจริง เราจำเป็นจะต้องเหลาซิลิโคนเหล่านั้นใหม่อยู่ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดการทะลุได้สูง เนื่องจากใบหน้าแต่ละคนไม่เหมือนกัน สำหรับหมอจะเหลาซิลิโคนที่เข้ากับรูปหน้าคนไข้แต่ละคนมากที่สุด เคสต่อเคส ถ้าถามว่ายองโดมีซิลิโคนจมูกกี่ทรง หมอก็จะบอกว่ามีทรงเดียวครับคือ “ทรงที่เหมาะกับคุณ”
“หมอจะเหลาซิลิโคนเคสต่อเคส เพื่อให้เข้ากับรูปหน้าแต่ละคนมากที่สุดครับ”
เสริมจมูกใช้เวลาเท่าไหร่? พักฟื้นนานไหม? บวมช้ำประมาณไหน?
ในการผ่าตัดเสริมจมูกจะใช้เวลาขั้นต่ำประมาณ 1 ชั่วโมง ตามเทคนิคที่ใช้และความจำเป็นสำหรับแต่ละเคส ถ้าเป็นเคสแก้จมูกจะใช้เวลานานกว่าเพราะหมอต้องเลาะพังผืดจากการเสริมครั้งก่อนออกก่อน หลังจากเสริมจมูก แก้จมูกจะใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน เพราะหมอใช้วิธีการผ่าตัดที่บวมช้ำน้อย ในระยะเวลา 1 สัปดาห์ก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ พอ 1 เดือนจมูกจะเริ่มรัดแกน แต่ยังไม่หายรวมช้ำเต็มที่ และรอเวลาเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือนครับ ซึ่งทางคลินิกจะมีการนัดติดตามผลอย่างใกล้ชิด คนไข้ไม่จำเป็นต้องกังวลใดๆครับ
“การทำศัลยกรรมที่ดีและสวย การผ่าตัดเป็นเพียงครึ่งนึง อีกครึ่งหนึ่งเป็นการดูแลหลังผ่าตัด หมอจึงให้ความสำคัญกับการดูแลหลังการผ่าตัดทุกเคสครับ”
บทความโดย: นพ.พีรสุ อุดมกิตติ ( หมอโด ยองโดคลินิก )